พยานบุคคล
อุบาสิกา สงัด ฉิ่งแก้ว
1.ประวัติโดยสังเขป
ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นลูกคนที่ ๒ ในจำนวน ๙ คน แม่ชื่อ นาง พยุง ฉิ่งแก้ว พ่อนั้นชื่อ นาย ชิต ฉิ่งแก้ว เป็นครอบครัวชาวนาที่ยากจน ขัดสน เมื่ออายุ ๔ ขวบตามารับไปอยู่ด้วยเพื่อช่วยเลี้ยงลูกของตน แต่ก็อยู่อย่างยากลำบาก ต้องทำงานบ้านทุกอย่าง เก็บกวาดเช็ดถู ตักน้ำใส่ตุ่ม แต่ก็ไม่เป็นที่ถูกใจ โดนเฆี่ยนตีอย่างไม่เป็นธรรมประจำ แม้จะขยันขันแข็ง อดทน จึงสะสมความคับแค้นใจตามประสาเด็กๆ ครั้งสุดท้ายจึงทำฤทธิ์ต่อต้านตาด้วยใจเด็ดเดี่ยวแม้ตายก็ยอม แต่ได้น้ามาช่วยไว้ แต่ยังดีที่ตาสอนให้อ่านเขียนหนังสือได้ก่อนเข้าเกณฑ์ ๗ ขวบ อาหารการกินไม่อิ่มท้อง ต้องหาสาเกมานึ่งกิน เก็บหมากยับ ผัก มาขายหาเงิน
เรียนหนังสือจนจบป.๔ จากนั้นยายมารับไปอยู่ด้วย ได้กินอยู่เรียนดีขึ้น พอยายย้ายไปต่างจังหวัดก็เอามาฝากน้า คิดว่าชีวิตจะดีขึ้นแต่ที่ไหนได้ร้ายกว่าตาหลายเท่า ช่วงนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดดอกไม้ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ กรุงเทพอันตราย แม่จึงมารับกลับไปอยู่ปทุมธานีทำนาอยู่ ๓-๔ ปี ฐานะทางบ้านก็ดีขึ้น แต่แล้วพ่อกลายเป็นผีพนัน ผีสุรา ทำให้ครอบครัวตกต่ำ ล่มจม จึงได้เข้ากรุงมารับจ้างทำงานทุกอย่าง งานก่อสร้าง งานแม่บ้านโรงพยาบาล งานแม่ครัว แม่บ้านเพื่อส่งเงินให้แม่ ชีวิตช่วงวัยรุ่น ทำงานรับจ้าง เที่ยวตะลอนหาเงิน รำวงเล่น สนุกสนาน เป็นที่รักของเพื่อนๆ ที่ทำงาน
จนอายุปลาย ๒๘ ปี มีเหตุทุกข์ใหญ่เกิดจนแม่ทนไม่ได้ จึงขอให้ลูกบวชเถอะ ครอบครัวและแม่อยู่ได้ แม่นำไปฝากให้บวชที่สำนักแดนเกษม วัดแจงร้อน เขตราษฎร์บูรณะ หลวงตาทองเหลี่ยม ปัสพาสโร เป็นผู้บวชให้ เมื่อวันอังคารที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ อายุ ๒๙ ปี หลังจากหลวงตาฯดับแล้วได้ไปอยู่วัดเขาวัง ราชบุรี ต่อมาก็มาอยู่วัดแหลมกุ่ม ประจวบคีรีขันธ์ เป็นสาขาของวัดเขาวัง อยู่ช่วยทำกิจกรรมต่างๆของวัดจนเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของทั้งพระและฆราวาสที่มาปฏิบัติธรรม ทำให้วัดเจริญรุ่งเรือง ท่ามกลางกิเลสตัณหาของผู้ที่อิจฉาริษยา หวังกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัว ทั้งผ้าเหลือง ผ้าขาว และฆราวาส ท่านก็ต่อสู้ อดทน ด้วยมีธรรมเป็นที่พึ่ง มีกรรมฐานเป็นที่พึ่ง ทั้งได้เข้าอบรมกรรมฐานในสถานที่ต่างๆ ศึกษาอภิธรรม เรียนนักธรรม ตรี โท เอก และคิดที่จะหลบไปหาที่พึ่งทางใจแถวภาคเหนือหรือภาคอีสาน
แต่มีเพื่อนแนะนำว่าให้ลองไปทางใต้ ชุมพร จึงได้ไปฟังธรรมหลวงพ่อ สรวง ปริสุทโธ วัดถ้ำขวัญเมืองในวันเข้าพรรษา ท่านแสดงธรรมเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด จึงรู้ว่า สิ่งที่เราไม่รู้ใดๆเรื่องการปฏิบัติก็เกิดความกระจ่างขึ้น จึงตั้งใจว่าหลังออกพรรษาแล้ว จะกลับมาเรียนกรรมฐานกับท่านสัก ๒ เดือน จนกระทั่งวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้มาอยู่ฟังธรรม นั่งกรรมฐานและช่วย ทำกิจกรรมส่วนรวม ดูแลเสนาสนะ การขบฉันของพระ เก็บกวาดเช็ดถูสถานที่ เวลาอื่นก็เร่งความเพียร ดูกายดูจิตให้อยู่กับเพียร ๔ ตลอดเวลา จิตละว่างวางทั้งภายใน ภายนอก จนสามารถเอาตัวรอดได้ เป็นที่พึ่งตนเองได้ เกิดเลื่อมใส ความศรัทธา เทิดทูนในธรรมหลวงพ่อสรวง เห็นค่าคุณหลวงพ่อ ลงใจอยู่รับใช้หลวงพ่อ เพื่อทดแทนคุณ เพื่อวัดจะได้เจริญรุ่งเรือง รอผู้ที่จะมาเดินตามหลวงพ่อต่อไป
แต่ก็นั่นแหละกองทัพมาร กิเลสมาร ความอิจฉา ริษยา ความโลภ โง่เขลา ทั้งนักบวช ทั้งคนก็ถาโถมเข้ามาเช่นเดิม ก็ต้องต่อสู้เรื่อยมา เพื่อชีวิตหลวงพ่อและผลประโยชน์วัด จนในที่สุดจำต้องยอมจากมาด้วยหัวใจอันร้าวราน บอบช้ำ แต่ยังเคารพเทิดทูนต่อหลวงพ่อเหนือเกล้าเสมอ จบสิ้นแล้ว ๒๔ ปีที่ดูแลรับใช้ด้วยใจอันบริสุทธิ์ กตัญญูกตเวที จากนั้นได้มาพักอยู่ที่คูหาทิพย์ บ้านสวนภิรมย์ บ้านใต้แสง ระหว่างนี้ก็ไปอยู่เข้าพรรษา ณ วัดป่าบ้านค้อและวัดตาดน้ำพุ หลังสุดมาอยู่ที่คุ้มแมนสรวงพิทักษ์ธรรม แพร่ อันเป็นเอกเทศสถานอันสัปปายะสำหรับท่านอยู่ปฏิบัติธรรมในช่วงท้ายของชีวิตตลอดไป
๒.อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ท่านมาบวช
สมัยวัยเด็กเล็ก เห็นแม่ชีสาวๆ แต่งตัวสะอาด ผ้าขาวพริ้วไหว งดงามดั่งเทพธิดา จึงประทับใจมาก คิดในใจว่า โตขึ้นจะบวชชี จะได้มีความสุขกว่าเพศฆราวาสเป็นแน่แท้ และด้วยบุพกรรมเก่าที่ท่านเคยอธิษฐานเป็นพุทธมารดามาหลายชาติ
๓.นิมิตบอกเหตุการณ์ต่างๆ
ท่านมักจะมีและพบนิมิตต่างๆอันเป็นการบอกอนาคตที่จะพบเจอ เช่น ก่อนจะได้บวชฝันว่าไปกราบหลวงพ่อโสธร แล้วแท่นที่พระนั่งก็แล่นนำหน้า ดูดเรือบดที่แม่ชีนั่งวิ่งฉิว ไปตามลำคลอง แล้วไปจอดหน้าวัดแจงร้อน
ขณะอยู่ห้องกรรมฐานวัดชลประทาน วันหนึ่งได้นิมิตว่า หลวงตาทองเหลี่ยมเหาะลิ่วมาหาก็จับท่านโยนขึ้นเรือหงส์ เรือก็แล่นเหาะแหวกอากาศไปพักใหญ่ เมื่อถึงคลองใหญ่ก็หล่นโครม จอด ริมตลิ่งเรือหายไป เห็นภูเขาลูกย่อมๆอยู่ตรงหน้า สว่างนวล จึงเดินลุยน้ำ โคลนขึ้นไปนั่งกรรมฐาน นั่นคือเขาขวัญเมือง
อีกคราหนึ่งนิมิตฝันเห็นว่าตนเดินอยู่ทางตรงแน่วที่มุ่งสู่ต้นโพธิ์ที่กำลังแตกใบอ่อนสีทองระยิบระยับ ใบก็กลายเป็นงูมารัดจนตื่น จึงรู้ว่ามีผู้พบโพธิปักขิยธรรมแล้ว และต่อมายังฝันว่าเห็นต้นโพธิ์ใหญ่กลางทุ่งนา มีตะขาบใหญ่ ๓ ตัวคลานมาขบกัดยอด กัดต้นจนละเอียดแหลกลาน เหตุการณ์เป็นจริงในภายหลัง
ขณะช่วงแรกไปทำกรรมฐานอยู่วัดถ้ำฯมีนิมิตเห็นเทียนชัย ๔ ต้นตั้งตรงหน้า ไฟลุกสว่างจ้า แล้วไส้๒ ต้นลุกลามจนดับ
ช่วงที่อยู่บ้านใต้แสงฯ สวนภิรมย์ เห็นนิมิตว่าหลวงพ่อ สรวงจะละสังขาร จึงอธิษฐานขอให้ท่านทิ้งสังขารที่ป่วยทรุดโทรม อย่าอยู่อย่างทรมานเลย ต่อมาอีกระยะหนึ่งได้นิมิตว่า หลวงพ่อสรวงเหาะผ่านมา แล้วบอกให้เหาะตามไป จนถึงเขาลูกหนึ่งมีกระท่อมหลังหนึ่งริมเขา หลวงพ่อสรวงท่านลงมา แล้วเข้าไปกราบพระร่างสูงใหญ่ที่นั่งบนแคร่ แล้วเอ่ยว่า ใต้เท้าขอรับ ผมขอฝากลูกศิษย์นี้ด้วย อยู่มาวันหนึ่งฝันว่า เดินอยู่บนทางลาดยางใหม่ๆสายใหญ่ กว้างสุดลูกตาตัดผ่านป่าท่ามกลางเปลวแดดระยิบระยับของพระอาทิตย์ที่โพล่ขึ้นปลายทาง เดินทนร้อนอย่างโดดเดี่ยวด้วยความตั้งใจ และพบพระสงฆ์รูปหนึ่งนอนตะแคงซ้ายบนแท่นดอกบัวทอง แต่หันหลังให้ จึงเข้าไปกราบ ขอให้ท่านหันแท่นกลับมาจะได้เห็นหน้าชัดๆ เมื่อพบเจอจะได้ไม่ผิดองค์ ท่านลอยหนีหายวนเช่นนี้อยู่หลายรอบ แม่ชีก็ตามไปจนไปสิ้นสุดที่ลานกว้างใหญ่ สุดท้ายหมุนกลับมาให้เห็นหน้าชัด คือหลวงพ่อ ทูล ขิปปปัญโญ นั่นเอง
เมื่อมาอยู่คุ้มแมนสรวงพิทักษ์ธรรม วันหนึ่งนิมิตเห็น เจดีย์สีขาวองค์ไม่โตตั้งเด่นเป็นสง่าในสถานที่นี้ ทำให้ระลึกถึงว่า เมื่อคราที่ได้ทันตธาตุ ๒ องค์ของหลวงพ่อ สรวง ตอนอยู่วัดถ้ำฯใหม่ๆและตั้งใจว่าเมื่อมีโอกาสจะสร้างเจดียเล็กๆองค์หนึ่งไว้บรรจุทันตธาตุและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้บรรดาศิษย์ๆได้กราบไหว้บูชา จนปี ๒๕๔๖ วันที่ ๑๑ มกราคม ได้ลงเสาเข็มสร้างพระมหาธาตุ แมนสรวงเจดีย์ เทิดทูล-ไชยา ธรรมาธิบดี และได้ฉลองเมื่อวันที่ ๑๘-๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘
๔.อุบายธรรมที่ทำให้ดำรงอยู่ในเพศนักบวช
อุบายหมาน้อย
เมื่อบวชใหม่ต้องอยู่ท่ามกลางผู้บวชก่อน และฆราวาสอาวุโส ท่านได้อุบายจากพระอาจารย์รูปหนึ่งว่า ลูกหมาเมื่อเจอหมาใหญ่ หมาดุ ก็จะนอนหงาย ยอมจำนน เคล้าเคลียด้วยเพื่อไม่ให้ถูกรังแก เราเป็นผู้อ่อนหัด ไม่ว่าอะไรจะเสียดทานขนาดไหน เราต้องเจียมกาย วาจา ใจ อย่าเป็นทาสอารมย์ของสิ่งที่มายั่วยุ เร้าอารมณ์ อย่าเป็นคนฉลาดแหลมคม ต้องเงียบโง่และอ่อนน้อมยอม แต่เข้มแข็งดูใจ ด่าตะคอกใจเรา อย่าดิ้นรน อยู่สงบเสงี่ยมไว้ ได้อะไร ไม่ได้อะไรก็ควบคุมใจ อย่าเผลอ ถ้ามีเหตุให้หลงลืมจนแทบคุมไม่อยู่ ให้รู้ไว้เถอะ เราแพ้ตัวเราเอง ถ้าชนะใจ กาย วาจาได้ เราก็จะมีความสงบสุขและพละกำลัง ความเพียรเราก็ส่งเสริมค่าคุณให้ใจเราได้รู้ได้เห็นค่ายิ่งๆขึ้นไป
อุบายผีสอนธรรม เมื่อบวชแล้วได้ฝึกกรรมฐานภาวนาด้วยอารมณ์ พุทโธ ในป่าช้าแต่ด้วยความเป็นคนกลัวผีสุดๆ แต่อดทนภาวนา ใจมันนิ่งเร็วด้วยความกลัวผี ใจจึงจับอารมณ์กรรมฐานแน่น ใจมันหาทางออกให้ตัวกลัวเองว่า ก่อนเขาก็เป็นคน เป็นผีเป็นๆนี้น่ากลัวกว่า หลอกเก่ง หน้าเรียบเสียงหวานเย็น ตายแล้วนอนนิ่งสงบอยู่ในโลง ไม่ขึ้นมาแก่งแย่งดีเด่นกัน เห็นเขานอนน่ารัก วางเป็นระเบียบ บ้างก็นอนทับซ้อนกัน น้ำเลือดน้ำเหลืองเน่าเหม็นรดใส่กัน ไม่เห็นโมโห ลุกขึ้นมาด่าทอกัน มีแต่หน้าที่เน่า เน่าเก่า เน่าใหม่ กำลังจะเริ่มเน่า เป็นมาตรฐานของคนตายที่จะเน่า รอวันเอาไปเผาไฟ เพลินในการพิจารณาจนลืมกลัวผี ใจมันนิ่งหายกลัว ก็กลับมาภาวนาในอารมณ์พุทโธใหม่ ใจรู้สึกศรัทธาดื่มด่ำในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งๆ
อุบายคลื่นทะเล ท่ามกลางเสียงลูกคลื่นยามน้ำขึ้น ดังหูบๆโครมคราม คลื่นใหญ่วิ่งเข้าหาฝั่งดังมีการต่อสู้กัน ก็เอาคลื่นทะเลมาพิจารณา นี่ทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา หาความเงียบสงบไม่ได้ ยามน้ำลงทะเลจะเรียบราบสงบ วังเวงมีลมพริ้วน้อยๆคลื่นน้อยๆวิ่งตัดกระทบกับแสงระยิบระยับกว้างไกล มองดูแล้วงาม ยิ่งสุดสายตาเป็นฟ้า ดังนักปฏิบัติที่หลงตัวกู ตัวเขาเรา หารู้ไม่ตัวเราไม่มี มีแต่ความกริ้วโกรธคับข้องใจภายใน มองไม่เป็นจึงเต้นตาม เห็นแต่ประโยชน์ตน ไม่จริงใจในกิจอันควร หลงตามกิเลส ไม่มีความจริงแท้ในการปฏิบัติ มีแต่เติมแต่งรูปภายนอก
๕. พ่อแม่ครูบาอาจารย์
คุณแม่ พยุง ฉิ่งแก้ว เมื่อคุณตามารับไปอยู่ด้วยตอน ๔ ขวบ แม่ได้เข้ามาสั่งไว้ว่า เมื่อไปอยู่ ทำตัวให้ดีลูก โตขึ้นจะได้เป็นคนดี ทำแต่สิ่งดีๆ
คุณตาชื่อ หนู เย็นแข ตามารับไปอยู่ด้วย ดูเหมือนจะใจร้าย ไม่ฟังเหตุผล แต่ตายังดี ยังสอนให้อ่านหนังสือแบบเรียนเร็ว จนอ่านเก่งก่อนเกณฑ์เข้าเรียน ๗ ขวบโรงเรียนวัดดอกไม้ แต่ก็ได้แนวและแผลเป็นเยอะ แถมด้วยความฉลาดหากิน และหาเงินใช้เรียน ได้ฝึกความอึดอดทน ความไม่กลัวตาย สัจจะ
หลวงตาทองเหลี่ยม ปัสพาสโร สำนักแดนเกษม วัดแจงร้อน วันก่อนที่ท่านจะบวชให้ ท่านต้องการทดสอบว่าแม่ชีจะมีความตั้งใจจริงเด็ดเดี่ยวที่จะบวช โดยท่านให้ไปฝังกลบกองเวจขี้ ๓ กองที่เกิดจากชาวบ้านถ่ายไว้สูงท่วมหัว หลังวันงานวัดจบ แม่ชีทำเสร็จภายในวันเดียว
ช่วงที่ฝึกปฏิบัติกรรมฐาน ภาวนา พุทโธ ในป่าช้าจนเห็นค่าคุณของผี หลวงตาท่านว่า เรานี่จะได้ดี เพราะความบ้าบิ่นนะ อย่าเอาผ้าขาวออกน่ะเองจะได้ดีกว่าข้า
หลวงพ่อ สรวง ปริสุทโธ (พระครูภาวนาภิรมย์)วัดถ้ำขวัญเมือง ท่านปฏิบัติตามแนวสมถและวิปัสสนากรรมฐานด้วยการบริกรรมภาวนากรรมฐาน ๕ ( เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา) จนได้ฌาณ ๔ แล้วใช้โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการเป็นทางวิปัสสนาภาวนา ให้ละ ว่าง บังสกุล สิ่งกระทบทั้งภายในและภายนอก โดยให้รู้ธรรมดาๆรู้แล้วละเสียเท่านั้นเอง แต่แรก แม่ชีตั้งใจจะมาอยู่ปฏิบัติธรรมเอาจริงเพียง ๒ เดือนแล้ว หลังจากนั้นจะไปที่อื่นเพราะกลัวหมู่คณะที่มีแต่สร้างความวุ่นวายเดือดร้อน ตอนคนน้อยๆ วัดจนๆก็ไม่มีเรื่องราวใดๆ แต่หลังจาก ๑๕ วันแล้วเห็นธรรม ทราบซึ้งในธรรมที่หลวงพ่อสอน มีแต่ความสำนึกในพระคุณของพระพุทธเจ้า ของหลวงพ่อ ใครเล่าจะรู้ ตัวเราเท่านั้นที่รู้ จึงทนไม่ได้ที่จะทิ้งท่านไว้ในหมู่ ผู้ดูดาย ไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของท่านได้ เพื่อรอผู้จะมาสืบต่อในอนาคตจน ๒๔ ปีล่วงมา หลังจากแม่ชีจากวัดมาราว ๑-๒ ปี หลวงพ่อท่านก็ละสังขาร
หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ (พระปัญญาพิศาลเถร) วัดป่าบ้านค้อ ท่านสอนให้มีสมาธิตั้งใจมั่น เพื่อเป็นฐานในการพิจารณาสิ่งต่างๆในทางไตรลักษณ์ภายนอกแล้วน้อมเข้ามาพิจารณาภายในตามทางมรรคมีองค์แปด ให้จิตรู้จริง เห็นจริงตามความเป็นจริง ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ คุณแม่ชี สงัด ฉิ่งแก้ว นำลูกศิษย์คณะใต้แสงแมนวิสุทธิ์ มากราบเป็นศิษย์หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ เป็นไปตามนิมิตที่ท่านพบก่อนหน้านั้น แม่ชีจะมาพักช่วงเข้าพรรษา ช่วงกฐินที่วัดป่าบ้านค้อ เป็นประจำหลายปี
ช่วงที่อยู่วัดป่าบ้านค้อมีอยู่คราหนึ่ง แม่ชีถูกหลวงพ่อทูลทดสอบ โดยแม่ชีเข้าไปกราบท่าน ขณะที่หลวงพ่อกำลังหยอกล้อกับสุนัขอยู่ หลวงพ่อทำเป็นไม่เห็น ไม่รู้ ไม่ใส่ใจเหมือนไม่มีแม่ชีอยู่ตรงนั้น เพื่อทดสอบการรู้เท่าทันจิตว่าจะมีอาการร้อนรนใจ เมื่อรู้ทันจิตตน หลวงพ่อจึงหันมาสนทนาปกติด้วย
พระอาจารย์ ไชยา อภิชโย (พระครูปิยสีลาจารย์) วัดตาดน้ำพุ สาขาวัดป่าบ้านค้อ ช่วงแรกที่มาวัดป่าบ้านค้อ หลวงพ่อทูล ถามว่าแม่ชีเลือกว่าจะอยู่ที่ไหนบ้านค้อ หรืออยู่วัดตาดน้ำพุ อันมีป่าเขา ธรรมชาติร่มรื่น เงียบสงบ แม่ชีเลือกอยู่วัดตาดน้ำพุนาน ประมาณ ๓ ปี หลังจากนั้นจะมาช่วงเข้าพรรษา และกฐิน เรื่อยมา
๖.ปฏิปทาข้อปฏิบัติ
-ท่านยึดถือความกตัญญู กตเวที ต่อ พ่อแม่ครูอาจารย์ และผู้มีคุณ เพียงแค่รู้คุณเท่านั้นไม่พอ ต้องหาทางตอบแทนคุณนั้นด้วยทุกเมื่อที่มีโอกาส หรือ/และหาโอกาสตามกำลังที่มี
– คำสั่งคือ ศีล คำสอนคือ ธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์สั่งให้ทำสิ่งใดๆ ต้องยึดถือและทำตามก่อน อัน เป็นสิ่งที่จะล่วงละเมิดมิได้ ห้ามโต้แย้ง เป็นเหมือนศีลข้อหนึ่ง ส่วนคำสอนที่บอกกล่าวนั้นให้ศิษย์ถือเป็นธรรมะที่ใช้ปฏิบัติดำเนินตาม
-ดูแลรักษาใจตลอดเวลาด้วยองค์ภาวนาเพียร ๔ ตัวละ วางๆ แล้วบังสกุล ให้ดับไป ความเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง อดทนต่อสิ่งกระทบอย่าหวั่นไหวสะเทือนจนออกมาภายนอก
-มาปฏิบัติธรรม อย่าเร่งรีบอยากจนเกินงาม จะได้อะไรหรือไม่ได้อะไร ก็ถือว่าเป็นการลงทุนไว้ชาติหนึ่ง
๗.คุ้มแมนสรวงพิทักษ์ธรรม แพร่
– ถือกำเนิดราว พ.ศ. ๒๕๔๒ ศิษย์ใต้แสงฯปรารภว่าจะหาสถานที่อันสัปปายะเหมาะแก่การอยู่อาศัยและปฏิบัติธรรมเป็นการส่วนตัว เอกเทศ สำหรับท่าน โดยไม่ถูกรบกวนให้เดือดร้อนใดๆในช่วงปลายของชีวิต และเป็นที่พึ่ง เป็นขวัญกำลังใจแก่บรรดาศิษย์คณะใต้แสงแมนวิสุทธิ์ที่ติดตามท่านมาโดยตลอด จึงพบสถานที่ในจังหวัดแพร่นี้และภายหลังได้สร้างพระมหาธาตุแมนสรวงเจดีย์ เทิด ทูล-ไชยา ธรรมาธิบดี ดังกล่าวแล้ว ในเวลาต่อมาคณะศิษย์ใต้แสงแมนวิสุทธิ์ ได้ดำเนินการสร้างพระมหาธาตุอุบาสิกาสงัดเจดีย์ กตเวทีกตัญญุตานุสรณ์ อีกองค์หนึ่งปี พ.ศ.๒๕๖๗